ช้าวของวันถัดมาพอตื่นขึ้นมาวันนี้ฉันกลับรู้สึกแปลกที่ไม่พบฮยอนจินมาจ้องมองตอนหลับเหมือนทุกๆวัน ใช่แล้วละตั้งแต่วันนั้นมาฮยอนจินก็พาฉันมาอยู่ด้วยเค้าทำเรื่องลาพักเรียนให้ฉัน สวนห้องพักของฉันนั้นมันเป็นแผนของฮยอนจินเอง ตอนแรกนึกว่า ป้าเจ้าของจะเอาเสื้อผ้าฉันทิ้งไปแล้วแต่ฮยอนจินกลับบอกว่า เสื้อผ้าของใช้ฉันยังอยู่ครบแค่ทำป้ายติดเท่านั้นกันไม่ให้คนมา ขโมยของ
ทุกอย่างมันเริ่มเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้น ฮยอนจินและพ่อบ้านคนนั้นดูแลฉันดีมาก แต่ฮยอนจินเป็นคนเดียวที่ดูแลฉันทางกายและจิตใจ
แต่หากจะให้มันรักษาให้หายเหมือนเป็นบาดแผลเล็กๆที่ถูกมีดบาดมันก็คงยังไม่ใช่ เพราะสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นเค้าทำกับฉันนั้นมันมากเกินกว่าจะ เยียวยาให้หายในไม่กี่ สัปดาห์
ตอนแรกฉันกลับกลัวว่า จองกุก จะตามหาฉันเจอแต่มันกลับไม่ใช่แบบที่ฉันคิด พ่อของฮยอนจินเค้ารักฮยอนจินมาก มาเสียกว่าอะไรเค้าเลยให้ลูกน้องมากมายมาคุมกันลูกชายของเค้าไว้แทบจะเต็มบ้าน แถมฮยอนจินก็มาอยู่เป็นเพื่อนฉันแทบตลอดเวลา มันเลยทำให้ความกังวลนั้นหายไปเล็กน้อยแล้ว
เสียงของพ่อบ้านและฮยอนตอนที่คุยกับดังมาจากห้องครัวขึ้นเป็นระยะๆ ฉันไม่ได้อยากรู้เลยนะว่าพวกเค้าคุยอะไรกันแต่นี่มันกลับมี ชื่อของฉันอยู่ด้วยนะสิ
พวกเค้าจะพาฉันไปไหนนะ
"เราจะไปไหนหรอ ฮยอนจิน"
ฉันเอ่ยพูดออกไปจนทำให้ทั้งสองคนหันมามองยังฉันเป็นสายตาเดียว พ่อบ้านยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องอาหาร แต่ฮยอนจินนี่สิ มองยังกับไม่เคยเห็นคน
"มองหน้าเราทำไม"
"อรุณสวัสดิ์"
"。◕‿◕。"
"ตื่นแล้วก็มานั่งกินข้าวกัน"
"นายยังไม่บอกนะ ว่าเราจะไปไหน"
"อืม..สงสัยมีคนไม่อยากกลับบ้านแล้วสินะ" คำพูดของฮยอนจินทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาด้วยความดีใจ กลับบ้านไปหาคุณแม่
เสียงสะอื้นดีใจมันดังทั่วคอฉันไปหมด พูดออกมาไม่ได้สักคำก่อนที่สติของตัวเองจะกลับมาก็คงเป็นมือของฮยอนจินที่เลื่อนมาเช็ดน้ำตาให้ฉันแทน
"ฮึก!"
"ร้องไห้ทำไม.." เจ้าตัวถามออกมาแบบเป็นห่วงแต่มันกลับทำให้ฉันยิ้มดีใจขึ้นไปอีก อยากให้ฮยอนจินรู้ว่า น้ำตาแห่งความเสียใจและน้ำตาแห่งความสุขมันต่างกันยังไง
"ฮึกเราแค่ดีใจ"
.
.
.
.
.
.
"รอเราอยู่ตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวฮยอนจินจะไปเช็คตั๋วก่อน"
พอเราทั้งสองมาถึงสนามบินฮยอนจินก็บอกให้ฉันยืนรอเจ้าตัวอยู่ข้างทางเข้าเช็คตั๋วเครื่องบินก่อน
วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษคงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดภาคเรียน ต่างคนต่างรีบร้อนกลับบ้านเหมือนกันกับฉัน แต่ในตอนนั้นเองวายตาของฉันก็สบตากับกับร่างของชายกำยำคนนึงที่ฉันเกือบจะรู้จัก ข้างในหูของเค้ามีรอยสักเล็กๆอยู่ มันคล้ายๆกับ รอยสักของผู้ชายคนนั้น...
ลูกน้องของ จองกุก!!
คิดได้เท่านั้นฉันต่างมองไปรอบๆสนามบินและใช้มีคนมากมายแต่ฉันกลับไม่สนใจเลยร่างชายหนุ่มกำยำนับได้ว่ามีถึง20คนกำลังอยู่คนละ ทิศทางราวกับกำลังติดต่อกันอยู่หากไม่มีใครสนใจก็คงจะคิดว่าคนพวกนี้มารอรับแฟนหรือครอบครัว แต่ท่าทีที่ดูแปลกนั้นฉันก็มั่นใจว่า จองกุกอาจอยู่แถวนี้
กรี๊ง!
ขาของฉันยังไม่ทันได้ขยับด้วยช้ำ วัตถุแข็งแรงก็ถูกจี้มาที่เอวของฉันโดยไม่ทันระวังตัว
"อย่าร้อง..แล้วเดินออกไป"
ผู้ชายคนนั้นพูดกับฉันแบบนั้นและไม่ค้องให้ฉันหันไปมองก็รู้ว่าของที่เค้าจ่อที่เอวของฉันอยู่นั้นเป็นปืน ปากของฉันเม้นเป็นเส้นตรงโดยไร้เสียงคิดแค่ว่า
เมื่อไหร่ฮยอนจินจะมา.....
ผู้ชายคนนั้นเริ่มผลักดันให้ฉันเดินไปข้างหน้าโดยมีเค้ายืนข้างๆฉันถืกปืนจ่อไว้ที่เอวฉันราวๆกับว่า หากฉันหนีคือฉันตาย ฉันพยายามส่งสายตาข้อร้องคนแถวนี้แต่ระหว่างฉันกับผู้ชายคนนี้สำหรับคนอื่นแบ้วเราดู เหมือนคู่รักมากกว่า
"ฮึก!"
"อย่าร้องรีบเดินออกไปจากตรงนี้เสียหากคุณไม่อยากตาย"
เสียงทุ้มต่ำพูดขู่พร้อมกับออกแรงจี้ปืนเข้าไปที่เอวของฉันเพื่อบอกว่าเค้า สามารถยิงฉันได้จริง
"ฮึก!" ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้นแล้วจ้องมองหาความช่วยเหลือ ฮยอนจิน นายอยู่ไหนช่วยเราด้วย
เสียงจาก จิตใต้สำนึกของฉันพูดออกมาแบบนั้นจริงและมันก็ใช้เวลาไม่นานเพราะผู้ชายคนนั้นทั้งผลักฉันให้เดินออกเร็วขึ้น...ก่อนที่จะตรวไปยังที่จอดรถของ บุคคล รถหรูสีดำสนิทจอดเรียงรายกันอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นเดินจะเปิดประตูรถคันหนึ่งแล้วผลักฉันเข้าไป
ดวงตาสีดำอำมหิตถูกจ้องมองมาที่ฉันราวกับจะกลืนกินฉันเข้าไป ผู้ชายที่ฉันกลัว..ตอนนี้เค้าอยู่ตรงนี้..
จองกุก
"ออกรถ!"
เสียงพูดของจองกุกดังขค้นมาทันทีที่ฉันเข้ามาภายในได้ ตัวฉันสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจหัวใจที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันเต้นแรงและเร็วขึ้น เหงื่อฉันเริ่มออก มันไม่ใช่เพราะร้อน แต่เป็นเพราะตอนนี้ฉันกำลังกลัว....