.New way to live on my own.
Harris part ☔
.....
เฮริสเริ่มงานใหม่ในไดเนอร์แห่งหนึ่งไม่ไกลจาก
ไฮสคูลมาก เพราะเขาได้ไปขอร้องเจ้าของร้านด้วยท่าทีน่าสงสารจนเจ้าตัวทนไม่ไหวยอมให้งานเขาทำ ธีมร้านสีชมพู พนักงานใส่กันเปื้อนสีชมพู ธีมรวมๆไม่ต่างจากหนังภาคต่อไม่ยาวมากของตระกูลดิสนีย์อย่าง Cinderella story แอนเดอร์สันวอเลน เจ้าของไดเนอร์ผู้เป็นเควียร์ที่ชื่นชอบหนังเรื่องนั้นเป็นพิเศษเพราะได้แรงบัลดาลใจจากลูกสาวที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อน ร้านแห่งนี้จึงไม่ต่างจากที่ระลึกถึงลูกสาวที่เสียไปด้วยเหตุก่อการร้ายในบอสตัน แอนเดอร์สันได้สร้างมันขึ้นเองกับมือเฮริสจึงไม่แปลกใจทำไมแอนเดอร์สันถึงยอมรับเขาเข้ามาคงเพราะ เจ้าตัวใจดีเกินไปนั่นเอง แม้ร่างสูงโปร่งโดดเด่นท่ามกลางเพื่อนร่วมงานจะดูไม่ตรงธีมร้านแค่ไหนแต่เฮริสเองยังพยายามปรับตัวกับผ้ากันเปื้อนสีชมพูนมหวาน เพราะเขาเป็นเพียงวัยรุ่นหนุ่มคนเดียวในร้านท่ามกลางคนสูงวัยและแม่หม้ายลูกติดหาเช้ากินค่ำทั้งหลายจึงนับว่าเขามีประโยชน์อย่างมาก ทั้งเปลี่ยนหลอดไฟ เสริฟ์อาหาร รับออเดอร์ ออกไปซื้อของแบกข้าวของหนักๆแต่พักหลังท้องเขาโตขึ้นเรื่อยๆจนไม่มีใครให้เขาทำงานแบกหามเสียแล้ว มีเพียงรับออเดอร์นิดๆหน่อยหน่อย
ชงกาแฟปิ้งขนมปัง เฝ้าเตาอบขนม นอกนั้นก็เป็นงานสบายๆ คุยกับลูกค้าประจำหรือขาจรที่แวะผ่านเข้าเมืองมาทำธุระเท่านั้น ไดเนอร์แห่งนี้ยังโตขึ้นเรื่อยๆไม่ต่างจากเฮริสและลูกตัวน้อยๆในท้องชาร์ลีชายผิวดำมีอายุได้ชวนเขาคุยหลายเรื่องจนกลับมาหยุดที่การพาเขาไปฝากท้องเสียได้ เจ้าตัวเล่าออกรสถึงตอนที่ดูแลภรรยาช่วงท้องกลมเท่าลูกแตงโม ลำบากแทบตายแต่มีความสุขบอกไม่ถูก หลังเลิกงานปิดร้านเสร็จชาร์ลีจะเข้าไปเอารถที่บ้านห่างไปไม่กี่บล็อกพาเฮริสไปยังคลีนิกสำหรับการฝากครรภ์โดยเฉพาะ
เด็กหนุ่มท้องโตพยายามออกปากไปว่าไม่เป็นอะไรเพราะตัวเขาเองนอกจากจ่ายค่าห้องค่าอยู่กินไปเรียนแล้วก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้น หลังจากขอแยกตัวมาใช้ชีวิตเองเฮริสได้เรียนรู้ความลำบากมากจนขยาด กระนั้นก็เป็นส่วนตัวดี
ชาร์ลีออกปากจะให้ยืมก่อนถ้ามีแล้วคืนเมื่อไหร่ก็ได้เพราะเขาเองยังได้เงินบำนาญทหารมาใช้อยู่ไม่ขาดไหนจะทำไดเนอร์แห่งนี้อีก ตัวเขามีหน้าที่ขับรถส่งของจึงได้ค่าเหนื่อยมากกว่าคนอื่นอยู่หนึ่งเท่า
หน้าหนาวที่ผ่านมาเฮริสได้พบเจอกับอุปสรรคและความสุข เศร้าเสียใจมากมาย ได้เรียนรู้ที่จะยอมรับอีกมาก ....
หลังจากที่ได้งาน ช่วงเลิกเรียนเฮริสจะจัดการพักผ่อนสะสางนั่นนี่ที่ห้องให้เรียบร้อยและเข้ามายังไดเนอร์ช่วงกะดึกทำงานเพียงสามสี่ชั่วโมง และทำความสะอาดปิดร้านกลับไปนอนเอาแรงก่อนไปเรียนตามปกติ ตามจริงตารางของเฮริสค่อนข้างจะระบบกันเองเพราะเขายังเรียนอยู่เวลาทำงานเลยแบ่งยากเอาเป็นว่าว่างตอนไหนก็มา ยกเว้นช่วงใกล้เช้า ร้านจะปิดและเปิดอีกทีช่วงเที่ยง..
แต่ค่ำคืนนี้ เกิดพายุฝนลูกเล็กที่คงเกิดหลงมาพัดตกใกล้กับโซนที่เฮริสอยู่
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงประตูดันเข้ามาทำให้เฮริสกำลังขมักเขม้นกับการถูเอาคราบซอสจากบาร์ออกเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยบอกผู้มาใหม่ด้วยสีหน้าสงสัย
"ร้านปิดแล้ว" ไม่วาย เขาหันไปยังป้ายโคลสหน้าประตูสีหวานแววทันที
"ฉันแค่มาหลบฝน" เสียงผู้พูดเหมือนลังเลที่จะตอบ ใบหน้าคมนิ่งค้างเติ่ง ขนลุกไปทั่วร่างราวมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ทั้งกลิ่นหอมดอกไม้อันคุ้นเคยและเสียงติดจะดุกรายๆ เขารีบเงยหน้ามองทันที ทำเอาแทบจะเป็นลม นี่เขาหลบมาตั้งเป็นเดือนๆ จะมาเจอกันโต้งๆแบบนี้เลยหรือพระเจ้า